“เรทการ์ด (Rate Card) ของ KOL คนนี้ ราคา 35,000 บาท… คุ้มไหม?”
นี่คือคำถามคลาสสิกที่นักการตลาดต้องตอบให้ได้ แต่ในความเป็นจริง เรามักจะ “ไม่มีข้อมูล” มากพอที่จะตอบคำถามนี้ เราประเมินราคาจาก “ยอด Follower” หรือ “ความดัง” ซึ่งเป็นวิธีที่เสี่ยงต่อการ “จ่ายแพงเกินจริง” ที่สุด
จะดีกว่าไหม ถ้าคุณสามารถ “Negotiate” หรือ “ดีลราคาจ้างงานกับ KOL ได้โดยตรง” โดยมี “ข้อมูลเชิงลึก” (Insight Data) อยู่ในมือ เพื่อใช้เป็นแต้มต่อในการต่อรอง
นี่คือแนวคิดใหม่ของการจ้าง KOL ที่ SHOUT! กำลังผลักดัน ที่จะเปลี่ยนการ “จ่ายตามเรทการ์ด” มาเป็นการ “จ่ายตามมูลค่าที่แท้จริง” (Pay for Value)
🛑 ปัญหาของ “เรทการ์ด” (Rate Card) ที่ไม่เคยบอกคุณ
ทำไมเราถึงรู้สึกว่า “แพง”? เพราะเรทการ์ดแบบเดิมๆ มักตั้งราคาโดยอิงจาก “ยอดผู้ติดตาม” (Follower Count) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ “ตื้นเขิน” ที่สุด
เรทการ์ดไม่ได้บอกคุณว่า:
- ผู้ติดตาม 3.3 ล้านคน (ในรูป) เป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณจริงๆ กี่เปอร์เซ็นต์?
- Engagement Rate ที่เห็นนั้น มาจากคอนเทนต์ประเภทไหน?
- ราคา 35,000 บาท เมื่อเทียบกับ Performance แล้ว คิดเป็นต้นทุนต่อการเข้าถึง (CPE/CPR) เท่าไหร่?
เมื่อไม่มีข้อมูลเหล่านี้ การ “ต่อรองราคา” ก็ทำได้แค่การ “ขอลดราคา” โดยไม่มีเหตุผลสนับสนุน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะไม่สำเร็จ
🚀 “Negotiate” ด้วย Data: แต้มต่อที่แบรนด์ต้องมี
จากภาพตัวอย่าง จะเห็นว่าแพลตฟอร์มของ SHOUT! ไม่ได้มีแค่รายชื่อ KOL แต่มี “ชุดข้อมูล” ที่จำเป็นต่อการ “Negotiate” ราคาอย่างสมเหตุสมผล
1. วิเคราะห์ “ต้นทุนที่แท้จริง” (CPE & CPR)
ในภาพ เราเห็นตัวเลขสำคัญ 2 ตัว:
- CPE (Cost Per Engagement): ต้นทุนต่อการมีส่วนร่วม (Like, Comment, Share)
- CPR (Cost Per Reach): ต้นทุนต่อการเข้าถึงคน
วิธีใช้ต่อรอง: สมมติ KOL A (ราคา 35,000) มี CPE 2.78 บาท แต่ KOL B (ราคา 6,500) มี CPE 1.99 บาท
คุณสามารถเห็นได้ทันทีว่า KOL B อาจสร้างการมีส่วนร่วมที่ “คุ้มค่า” กว่าในแง่ต้นทุน นี่คือข้อมูลชั้นดีที่คุณสามารถใช้ “Negotiate” กับ KOL A ว่าทำไมราคาที่เขาตั้งไว้ถึงสูงเกินไปเมื่อเทียบกับตลาด หรือหันไปเลือก KOL B ที่คุ้มค่ากว่าแทน
2. ตรวจสอบ “คุณภาพผู้ติดตาม” (Top Target Audience)
นี่คือข้อมูลที่ทรงพลังที่สุดในการต่อรอง
จากภาพ KOL A (ราคา 35,000):
- ผู้ติดตามส่วนใหญ่ (69.8%) อายุ 25-34 ปี
- อยู่ในกรุงเทพฯ 65.2%
วิธีใช้ต่อรอง: ถ้าสินค้าของคุณคือ “สกินแคร์สำหรับวัยรุ่น” (อายุ 18-24) ซึ่ง KOL คนนี้มีผู้ติดตามกลุ่มนี้เพียง 14.5%…
คุณมีเหตุผลที่แข็งแกร่งมากที่จะ “Negotiate” ว่า “แบรนด์ยินดีจ่าย แต่ราคา 35,000 บาท อาจไม่สมเหตุสมผลนัก เพราะกลุ่มเป้าหมายหลักของเรามีอยู่เพียง 14.5% ของผู้ติดตามคุณ”
นี่คือการต่อรองที่อิงจาก “ข้อมูล” ไม่ใช่ “ความรู้สึก”
3. “ดีลตรง” (Direct Deal) ไม่ผ่านคนกลาง
ภาพนี้แสดงให้เห็น “ราคาที่คุณเสนอ” (Your Suggested Price) เทียบกับ “ราคาที่อินฟลูฯ ตั้ง” (Influencer’s Set Price)
การที่แพลตฟอร์มเปิดให้คุณ “ดีลราคาโดยตรง” หมายความว่า คุณสามารถยื่นข้อเสนอราคาที่สมเหตุสมผล (ซึ่งคำนวณมาจาก CPE และ Audience Match) ให้ KOL พิจารณาได้ทันที
- ลดการบวกราคา (Markup): ตัดปัญหาการบวกราคาซ้ำซ้อนจากคนกลาง
- โปร่งใส (Transparent): ทั้งสองฝ่ายเห็นตัวเลขและข้อมูลชุดเดียวกัน
สรุป: ยุคใหม่ของการจ้าง KOL คือ “ความโปร่งใส”
การ “Negotiate” ราคา KOL ไม่ใช่การ “กดราคา” แต่คือการ “ค้นหาราคาที่ยุติธรรม” (Fair Price) ที่ทั้งแบรนด์และ KOL พอใจ
ยุคที่ KOL ตั้งราคาจาก “ความดัง” และแบรนด์จ้างจาก “ความรู้สึก” กำลังจะหมดไป แพลตฟอร์มอย่าง SHOUT! กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ ที่ทุกการจ้างงานต้องอ้างอิงจาก “ข้อมูลที่วัดผลได้” (Measurable Data) เพื่อให้ทุกบาทที่แบรนด์จ่ายไป “คุ้มค่า” ที่สุด
พร้อมที่จะ “Negotiate” ราคา KOL อย่างมืออาชีพ โดยมี Data สนับสนุนหรือยัง? สัมผัสประสบการณ์การจ้างงานที่โปร่งใสและคุ้มค่ากว่าเดิม
SHOUT! แพลตฟอร์มอินฟลูฯ ครอบคลุมทุกฟังก์ชัน ใช้งานได้จริง ไม่ได้โม้ ท้าให้ลอง ฟรี ลองเลย! วันนี้ที่
☎️ 062-547-7455 (คุณภา)


